การแจ้งเตือนเกี่ยวกับรหัสผ่านที่หมดอายุใน Windows 11 อาจทำให้คุณรู้สึกไม่สะดวกใจหรือรบกวนการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ในบางกรณี โดยเฉพาะในกรณีที่คุณไม่ต้องการให้รหัสผ่านของคุณหมดอายุบ่อยๆ หรือไม่ต้องการให้มีการแจ้งเตือนบ่อยเกินไป ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีปิดการแจ้งเตือนนี้ในระบบ Windows 11 อย่างละเอียดกัน
ทำไมรหัสผ่านถึงหมดอายุใน Windows 11?
การตั้งค่ารหัสผ่านหมดอายุใน Windows 11 เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในกรณีที่รหัสผ่านถูกขโมยหรือหลุดออกไปจากบัญชีผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม การตั้งรหัสผ่านหมดอายุสามารถสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้บางคนที่ไม่ต้องการเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ
ประโยชน์ของการตั้งรหัสผ่านหมดอายุ
- ป้องกันการเข้าถึงจากผู้ไม่หวังดี: การกำหนดให้รหัสผ่านหมดอายุทุกๆ ระยะเวลา จะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกขโมยรหัสผ่าน
- เพิ่มความปลอดภัยในองค์กร: หลายๆ องค์กรตั้งนโยบายให้รหัสผ่านหมดอายุเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
- ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล: การเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ ช่วยลดโอกาสที่ผู้บุกรุกจะเข้าถึงข้อมูลได้
วิธีปิดการแจ้งเตือนรหัสผ่านหมดอายุใน Windows 11
แม้ว่าการตั้งรหัสผ่านหมดอายุจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีผู้ใช้ แต่บางคนอาจไม่ต้องการตั้งค่าให้รหัสผ่านหมดอายุบ่อยเกินไป ดังนั้นหากคุณต้องการปิดการแจ้งเตือนรหัสผ่านหมดอายุใน Windows 11 สามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1: ใช้ Local Security Policy เพื่อปิดการแจ้งเตือน
- เปิด Start Menu แล้วพิมพ์คำว่า
secpol.msc
หรือค้นหาคำว่า Local Security Policy - คลิกที่ Local Security Policy เพื่อเปิดหน้าต่างที่เกี่ยวข้อง
- ในหน้าต่าง Local Security Policy, คลิกที่ Local Policies แล้วเลือก Security Options
- ค้นหาตัวเลือก Maximum password age ในลิสต์
- คลิกขวาที่ Maximum password age แล้วเลือก Properties
- เปลี่ยนค่าของ Maximum password age เป็น 0 ซึ่งหมายถึงการไม่ตั้งวันหมดอายุ
- คลิก OK เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลง
ขั้นตอนที่ 2: ตั้งค่า Group Policy สำหรับผู้ใช้ภายในองค์กร
สำหรับผู้ที่ใช้เครื่องในองค์กรหรือเครื่องที่เชื่อมต่อกับ Active Directory, คุณสามารถตั้งค่า Group Policy ได้ด้วยการทำตามขั้นตอนเหล่านี้:
- เปิด Run โดยกด Windows + R
- พิมพ์
gpedit.msc
แล้วกด Enter - ในหน้าต่าง Group Policy Editor, ไปที่ Computer Configuration > Windows Settings > Security Settings > Account Policies > Password Policy
- เปลี่ยนค่า Maximum password age เป็น 0
- คลิก OK เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลง
วิธีการตั้งรหัสผ่านให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
แม้ว่าคุณจะปิดการแจ้งเตือนการหมดอายุของรหัสผ่านแล้ว แต่การรักษาความปลอดภัยของบัญชีผู้ใช้ยังคงสำคัญมาก ดังนั้นคุณควรตั้งรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยสูงเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
การสร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง
- ใช้ตัวอักษรใหญ่และตัวอักษรเล็ก: การใช้ตัวอักษรทั้งสองประเภทสามารถเพิ่มความยากในการคาดเดารหัสผ่าน
- ใช้ตัวเลขและสัญลักษณ์: การเพิ่มตัวเลขและสัญลักษณ์ช่วยเพิ่มความปลอดภัย
- หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลส่วนตัว: เช่น ชื่อผู้ใช้ วันเกิด หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคุณโดยตรง
เครื่องมือช่วยจัดการรหัสผ่าน
การใช้โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน (Password Manager) จะช่วยให้คุณสามารถสร้างและจัดเก็บรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยสูงได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องจำทุกตัวอักษรด้วยตัวเอง
- LastPass: เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ช่วยเก็บและสร้างรหัสผ่านที่ซับซ้อนได้
- 1Password: เครื่องมืออีกตัวที่ได้รับความนิยมในการจัดเก็บข้อมูลสำคัญ
- Bitwarden: เครื่องมือฟรีที่สามารถใช้จัดการรหัสผ่านและสร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง
วิธีแก้ไขปัญหาหากมีปัญหาเกี่ยวกับการตั้งรหัสผ่าน
หากคุณพบปัญหาในการตั้งค่าหรือปิดการแจ้งเตือนเกี่ยวกับรหัสผ่านหมดอายุ นี่คือบางขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้เพื่อแก้ไขปัญหา
ตรวจสอบการตั้งค่าบนเครื่องของคุณ
- ตรวจสอบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณได้รับการอัพเดทเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Windows 11
- ลองรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์หลังจากทำการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า
- ตรวจสอบว่าไม่มีกฎระเบียบขององค์กรที่บังคับใช้การหมดอายุของรหัสผ่าน
การใช้คำสั่งใน Command Prompt
- เปิด Command Prompt ด้วยสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ (Admin)
- พิมพ์คำสั่ง
net accounts
แล้วกด Enter - คุณจะเห็นข้อมูลเกี่ยวกับรหัสผ่านและสามารถปรับเปลี่ยนค่าต่างๆ ได้
สรุปวิธีการปิดการแจ้งเตือนรหัสผ่านหมดอายุใน Windows 11
การปิดการแจ้งเตือนรหัสผ่านหมดอายุใน Windows 11 ไม่ได้ยากอย่างที่คิด คุณสามารถทำได้ทั้งจาก Local Security Policy หรือ Group Policy หากคุณใช้เครื่องในองค์กร โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งอื่นๆ มากมาย สิ่งที่สำคัญคือการตั้งค่ารหัสผ่านที่มีความปลอดภัยเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ตั้งรหัสผ่านที่ยาวและซับซ้อน เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
- ใช้การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (Two-factor Authentication) ในการป้องกันบัญชีของคุณจากการถูกโจรกรรม
- ใช้เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เพื่อจัดเก็บรหัสผ่านที่แข็งแกร่งและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจำ
การตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัยและการปิดการแจ้งเตือนหมดอายุเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณใช้งาน Windows 11 ได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น การตั้งค่าที่เหมาะสมจะช่วยให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์.