Microsoft

วิธีใช้ Ultimate Performance Mode ใน Windows 10

Ultimate Performance Mode คืออะไร?

Ultimate Performance Mode เป็นโหมดพลังงานที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบให้สูงสุด โดยลดความล่าช้าของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้น้อยที่สุด เหมาะสำหรับงานที่ต้องการทรัพยากรสูง เช่น การตัดต่อวิดีโอ การเรนเดอร์ 3D และการเล่นเกมที่ต้องการเฟรมเรตสูง

คุณสมบัติของ Ultimate Performance Mode

  • ใช้ทรัพยากรของ CPU และ GPU อย่างเต็มที่ โดยไม่มีการปรับลดความเร็วอัตโนมัติ
  • ลดการประหยัดพลังงาน เพื่อให้การทำงานของระบบลื่นไหลที่สุด
  • ลดความล่าช้า (Latency) ของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ
  • ปรับแต่งการใช้พลังงานของระบบให้เหมาะสมกับงานหนัก

วิธีเปิดใช้งาน Ultimate Performance Mode ใน Windows 10

1. ตรวจสอบว่าโหมดนี้มีอยู่หรือไม่

  1. กด Win + R แล้วพิมพ์ powercfg.cpl กด Enter
  2. ระบบจะเปิดหน้าต่าง Power Options ขึ้นมา
  3. มองหาแผนพลังงานชื่อ Ultimate Performance
  4. หากพบ สามารถเลือกใช้ได้ทันที

2. เพิ่ม Ultimate Performance Mode หากไม่พบใน Power Options

หากไม่พบโหมดนี้ สามารถเปิดใช้งานผ่าน Command Prompt ได้ดังนี้:

  1. กด Win + S แล้วพิมพ์ cmd
  2. คลิกขวาที่ Command Prompt แล้วเลือก Run as administrator
  3. พิมพ์คำสั่งนี้แล้วกด Enter:powercfg -duplicatescheme e9a42b02-d5df-448d-aa00-03f14749eb61
  4. ปิด Command Prompt แล้วลองเปิด Power Options (powercfg.cpl) อีกครั้ง
  5. เลือก Ultimate Performance

3. ปรับแต่ง Ultimate Performance Mode

หลังจากเปิดใช้งานโหมดนี้แล้ว คุณสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้โดย:

  1. ไปที่ Power Options
  2. คลิก Change plan settings ใต้ Ultimate Performance
  3. เลือก Change advanced power settings
  4. ปรับค่าต่าง ๆ เช่น Processor Power Management และ Hard Disk Timeout ตามความต้องการ

ข้อดีและข้อเสียของ Ultimate Performance Mode

ข้อดี

✅ ใช้ทรัพยากรของ CPU, GPU, และ SSD อย่างเต็มประสิทธิภาพ

✅ ลดการดีเลย์ของระบบ ทำให้ซอฟต์แวร์ทำงานได้เร็วขึ้น

✅ เหมาะสำหรับครีเอเตอร์ เกมเมอร์ และผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วสูงสุด

ข้อเสีย

❌ อาจทำให้เครื่องร้อนขึ้น เนื่องจากใช้พลังงานสูงสุดตลอดเวลา

❌ ใช้พลังงานมากกว่าปกติ (ไม่เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กที่ใช้แบตเตอรี่)

❌ อาจไม่เห็นความแตกต่างบนเครื่องที่ไม่ได้ใช้งานหนัก

ใครควรใช้ Ultimate Performance Mode?

โหมดนี้เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ที่ใช้งาน Workstation PC หรือ Gaming PC ที่ต้องการพลังสูงสุด
  • คนที่ทำงาน ตัดต่อวิดีโอ / กราฟิก 3D / งานเรนเดอร์หนัก ๆ
  • เกมเมอร์ที่ต้องการให้ FPS สูงขึ้นโดยลดการจำกัดพลังงานของ CPU
  • ผู้ที่ใช้งานซอฟต์แวร์จำลองเสมือนจริง (Virtual Machines)

ทางเลือกอื่นสำหรับการปรับแต่งพลังงาน

หากคุณไม่ต้องการใช้ Ultimate Performance Mode แต่อยากเพิ่มประสิทธิภาพ สามารถลองใช้วิธีอื่น ๆ ได้ เช่น:

1. ปรับแต่ง Power Plan ด้วยตัวเอง

  • ไปที่ Power Options (powercfg.cpl)
  • เลือก High Performance แล้วคลิก Change plan settings
  • ปรับแต่งค่าต่าง ๆ เช่น CPU Minimum State เป็น 100%

2. ปิดการทำงานของ Background Apps

  • ไปที่ Settings > Privacy > Background Apps
  • ปิดแอปที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ CPU ใช้งานกับแอปหลักได้เต็มที่

3. ใช้ SSD แทน HDD

  • หากยังใช้ HDD แนะนำให้อัปเกรดเป็น SSD เพื่อให้ Windows ตอบสนองได้เร็วขึ้น

4. ปิด Visual Effects ที่ไม่จำเป็น

  • ไปที่ System Properties (Win + Pause > Advanced system settings)
  • คลิก Settings ใต้ Performance
  • เลือก Adjust for best performance เพื่อปิดเอฟเฟกต์ที่กินทรัพยากร

สรุป

Ultimate Performance Mode เป็นโหมดพลังงานที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อเสียเรื่องการใช้พลังงานมากขึ้น หากคุณใช้งานบนโน้ตบุ๊ก อาจต้องใช้โหมดนี้เฉพาะเวลาที่เสียบปลั๊กเท่านั้น หรือเลือกปรับแต่ง High Performance Mode แทนเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณเอง

varietypc

แหล่งรวมความรู้ เทคนิคการใช้งานคอมพิวเตอร์ Microsoft Windows 11, Hardware Reviews, ข่าวสารเทคโนโลยีไอที, ปัญหาคอมพิวเตอร์, notebook ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงระดับมืออาชีพ