วิธีปิด Windows Update บน Windows 11

0
13
วิธีปิด Windows Update บน Windows 11

การอัปเดต Windows Update เป็นฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยให้ระบบปฏิบัติการ Windows ของคุณได้รับการปรับปรุงในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ แต่บางครั้งผู้ใช้ต้องการปิดฟีเจอร์นี้ เนื่องจากอาจเกิดปัญหาการใช้งาน หรือการอัปเดตที่ไม่ต้องการ

ในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีการปิด Windows Update บน Windows 11 ทั้งแบบชั่วคราวและถาวร พร้อมทั้งแนะนำการตั้งค่าต่างๆ เพื่อให้คุณสามารถควบคุมการอัปเดตได้อย่างเต็มที่

วิธีปิด Windows Update ชั่วคราว

การหยุดการอัปเดตชั่วคราวบน Windows 11 เป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุด หากคุณต้องการหยุดการอัปเดตเพียงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่ระบบจะกลับมาอัปเดตใหม่อัตโนมัติ

ขั้นตอนที่ 1: เปิดการตั้งค่า (Settings)

  1. กดปุ่ม Windows + I เพื่อเปิดหน้าต่างการตั้งค่า
  2. เลือกที่เมนู Windows Update ที่อยู่ด้านล่างสุดในแถบเมนูด้านซ้าย

ขั้นตอนที่ 2: หยุดการอัปเดต

  1. ในหน้าจอ Windows Update ให้คลิกที่ Advanced options
  2. ในส่วน Pause updates เลือกจำนวนวันที่คุณต้องการหยุดการอัปเดต (สูงสุด 35 วัน)
  3. เมื่อเลือกแล้ว ระบบจะหยุดการอัปเดตชั่วคราวตามวันที่คุณกำหนด

ข้อดีของการหยุดการอัปเดตชั่วคราว:

  • คุณสามารถควบคุมการอัปเดตได้อย่างง่ายดาย
  • ระบบจะไม่ดาวน์โหลดหรือติดตั้งการอัปเดตใหม่จนกว่าจะครบกำหนด

ข้อเสีย:

  • คุณอาจพลาดการอัปเดตความปลอดภัยที่สำคัญ

วิธีปิด Windows Update แบบถาวร

หากคุณต้องการปิด Windows Update แบบถาวร หรือไม่ต้องการให้มีการอัปเดตใดๆ บนระบบของคุณ คุณสามารถใช้วิธีการตั้งค่าผ่าน Group Policy หรือ Registry Editor ได้

วิธีที่ 1: ใช้ Group Policy Editor

ขั้นตอนที่ 1: เปิด Group Policy Editor

  1. กด Windows + R เพื่อเปิดหน้าต่าง Run
  2. พิมพ์คำว่า gpedit.msc แล้วกด Enter

ขั้นตอนที่ 2: ตั้งค่าเพื่อปิดการอัปเดต

  1. ใน Group Policy Editor ให้ไปที่ Computer Configuration > Administrative Templates > Windows Components > Windows Update > Configure Automatic Updates
  2. ดับเบิ้ลคลิกที่ Configure Automatic Updates เพื่อเปิดหน้าต่างตั้งค่า
  3. เลือก Disabled หรือ Notify for download and auto install ตามที่คุณต้องการ

วิธีที่ 2: ใช้ Registry Editor

ขั้นตอนที่ 1: เปิด Registry Editor

  1. กด Windows + R แล้วพิมพ์คำว่า regedit แล้วกด Enter
  2. ใน Registry Editor ให้ไปที่ตำแหน่ง: HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Policies\Microsoft\Windows

ขั้นตอนที่ 2: ตั้งค่าเพื่อปิดการอัปเดต

  1. คลิกขวาที่โฟลเดอร์ Windows และเลือก New > Key
  2. ตั้งชื่อว่า WindowsUpdate
  3. คลิกขวาที่โฟลเดอร์ WindowsUpdate และเลือก New > DWORD (32-bit) Value
  4. ตั้งชื่อว่า NoAutoUpdate
  5. คลิกขวาที่ NoAutoUpdate และเลือก Modify
  6. เปลี่ยนค่า Value data เป็น 1 แล้วกด OK

ข้อดีของการปิด Windows Update แบบถาวร:

  • ระบบจะไม่ทำการอัปเดตในกรณีที่ไม่ต้องการ
  • สามารถควบคุมการอัปเดตได้อย่างสมบูรณ์

ข้อเสีย:

  • ความเสี่ยงจากการไม่ติดตั้งอัปเดตความปลอดภัย
  • การไม่อัปเดตอาจทำให้ระบบมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

วิธีการตั้งค่า Windows Update ให้ยืดหยุ่น

หากคุณต้องการควบคุมการอัปเดตให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยไม่ต้องปิดการอัปเดตทั้งหมด คุณสามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนก่อนการดาวน์โหลดหรือติดตั้งการอัปเดตได้

ตั้งค่าแจ้งเตือนก่อนการอัปเดต

  1. ไปที่ Settings > Windows Update
  2. เลือก Advanced options
  3. ในส่วน Delivery Optimization, เปิดใช้งานการแจ้งเตือนเพื่อรับทราบเกี่ยวกับการอัปเดตที่กำลังจะเกิดขึ้น

การตั้งค่าแบบนี้จะทำให้คุณมีเวลาเตรียมตัวก่อนการอัปเดตและสามารถเลือกว่าจะดาวน์โหลดและติดตั้งการอัปเดตหรือไม่

สาเหตุที่ควรระวังในการปิด Windows Update

การปิด Windows Update อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของระบบ ดังนั้นการปิดอัปเดตควรทำด้วยความระมัดระวัง

ผลกระทบจากการปิด Windows Update:

  • ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย: หากไม่อัปเดตระบบ อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากมัลแวร์หรือการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ประสิทธิภาพที่ลดลง: บางการอัปเดตอาจช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของระบบ
  • ปัญหาการใช้งาน: การไม่อัปเดตอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหาความเข้ากันได้กับโปรแกรมใหม่ๆ

คำแนะนำ:

หากคุณตัดสินใจที่จะปิด Windows Update ควรทำการตรวจสอบอัปเดตความปลอดภัยเป็นระยะ เพื่อให้ระบบของคุณยังคงปลอดภัยจากการโจมตี

สรุป

การปิด Windows Update บน Windows 11 สามารถทำได้หลายวิธีทั้งชั่วคราวและถาวร คุณสามารถเลือกได้ตามความสะดวกและความต้องการของคุณ แต่ต้องระมัดระวังว่าการไม่อัปเดตอาจทำให้ระบบของคุณเสี่ยงต่อการโจมตีจากภัยคุกคามต่างๆ ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจปิดฟีเจอร์นี้



คุณคิดเห็นอย่างไรกับข่าว/บทความนี้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่