หากคุณเคยพยายามเปิดโปรแกรมบน Windows แต่ถูกบล็อกโดยข้อความ “Windows protected your PC” ไม่ต้องกังวล เพราะนี่คือฟีเจอร์ความปลอดภัยของ Windows Defender SmartScreen ที่ช่วยป้องกันไม่ให้คุณรันซอฟต์แวร์ที่อาจไม่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีที่คุณต้องการรันโปรแกรมจากแหล่งที่เชื่อถือได้ คุณสามารถปิดการทำงานของ SmartScreen ได้อย่างปลอดภัย บทความนี้จะสอนวิธีปิด “Windows Protected Your PC” อย่างละเอียด พร้อมคำแนะนำด้านความปลอดภัย
ทำไม Windows ขึ้น “Windows Protected Your PC”?
Windows Defender SmartScreen คืออะไร?
SmartScreen เป็นระบบความปลอดภัยที่มาพร้อมกับ Windows โดยมีหน้าที่หลักดังนี้:
- ป้องกันการติดตั้งแอปพลิเคชันที่อาจเป็นอันตราย
- เตือนเมื่อพยายามเข้าถึงเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
- ตรวจสอบไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต
Windows จะขึ้นข้อความเตือนเมื่อพบว่าไฟล์หรือโปรแกรมที่คุณพยายามเปิดไม่เป็นที่รู้จักหรือมีความเสี่ยงต่อระบบ
สาเหตุที่ Windows บล็อกโปรแกรม
- แหล่งที่มาของไฟล์ไม่เป็นที่รู้จัก – หากไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจากอินเทอร์เน็ตไม่มีลายเซ็นดิจิทัลที่รับรองความปลอดภัย
- ไฟล์อาจเป็นมัลแวร์ – Windows ใช้ฐานข้อมูลความปลอดภัยเพื่อตรวจสอบว่ามีมัลแวร์หรือไม่
- ผู้พัฒนาไม่ผ่านการรับรอง – หากโปรแกรมมาจากนักพัฒนาที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับ Microsoft
- ตั้งค่าความปลอดภัยของ Windows สูงเกินไป – Windows Defender อาจตั้งค่าการป้องกันไว้สูงสุด
วิธีปิด “Windows Protected Your PC” ชั่วคราว
หากคุณต้องการเปิดโปรแกรมเพียงครั้งเดียวโดยไม่ต้องปิด SmartScreen ทั้งหมด ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
วิธีข้ามการแจ้งเตือน SmartScreen
- เปิดไฟล์หรือโปรแกรมที่ต้องการรัน
- เมื่อปรากฏหน้าต่าง “Windows protected your PC” ให้คลิก “More info”
- กดปุ่ม “Run anyway”
- โปรแกรมจะเปิดทำงานได้ตามปกติ
หมายเหตุ: วิธีนี้เหมาะสำหรับการเปิดโปรแกรมเป็นครั้งคราว โดยที่คุณมั่นใจว่าไฟล์นั้นปลอดภัย
วิธีปิด Windows SmartScreen ถาวร
หากคุณต้องการปิด SmartScreen ทั้งหมดเพื่อไม่ให้ขึ้นแจ้งเตือนอีก สามารถทำตามขั้นตอนด้านล่าง
ปิด SmartScreen ผ่าน Windows Security
- กด ปุ่ม Windows + S และพิมพ์ “App & browser control”
- คลิกเข้าไปที่ Windows Security
- เลือก “Reputation-based protection settings”
- ปิดตัวเลือกต่าง ๆ ดังนี้:
- Check apps and files → Off
- SmartScreen for Microsoft Edge → Off
- SmartScreen for Microsoft Store apps → Off
- กดยืนยันการเปลี่ยนแปลง
ปิด SmartScreen ผ่าน Local Group Policy (เฉพาะ Windows Pro และ Enterprise)
- กด Windows + R แล้วพิมพ์ “gpedit.msc”
- ไปที่ Computer Configuration > Administrative Templates > Windows Components > File Explorer
- ค้นหา “Configure Windows Defender SmartScreen” และดับเบิลคลิก
- เลือก “Disabled” แล้วกด OK
- รีสตาร์ทเครื่องเพื่อให้การตั้งค่ามีผล
ปิด SmartScreen ผ่าน Registry Editor (สำหรับ Windows ทุกรุ่น)
- กด Windows + R แล้วพิมพ์ “regedit”
- ไปที่พาธ HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer
- ค้นหาคีย์ SmartScreenEnabled
- เปลี่ยนค่าเป็น “Off”
- รีสตาร์ทเครื่อง
คำแนะนำด้านความปลอดภัยหลังปิด SmartScreen
วิธีป้องกันไวรัสและมัลแวร์
ถึงแม้คุณจะปิด SmartScreen แล้ว ก็ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อความปลอดภัยของระบบ:
- ใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส – ควรติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่เชื่อถือได้ เช่น Windows Defender, Avast, หรือ Kaspersky
- ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ – ดาวน์โหลดไฟล์จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น
- อัปเดต Windows และซอฟต์แวร์เป็นประจำ – เพื่อป้องกันช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
- สำรองข้อมูลเสมอ – เผื่อเกิดปัญหากับระบบ คุณจะสามารถกู้คืนข้อมูลได้
ควรเปิด SmartScreen กลับมาหรือไม่?
หากคุณไม่ได้ใช้โปรแกรมที่ถูกบล็อกเป็นประจำ แนะนำให้เปิด SmartScreen กลับมาอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย โดยทำตามขั้นตอนเดิมและเปิดตัวเลือกที่เคยปิดไว้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ปิด SmartScreen แล้ว Windows จะมีปัญหาหรือไม่?
- การปิด SmartScreen ไม่ทำให้ Windows มีปัญหา แต่ระบบอาจเสี่ยงต่อการรันไฟล์อันตราย
สามารถปิด SmartScreen เฉพาะบางโปรแกรมได้หรือไม่?
- ไม่สามารถตั้งค่าปิดเฉพาะบางโปรแกรมได้ ต้องเลือกปิดหรือเปิดทั้งหมด
ถ้าเปิดโปรแกรมแล้วยังถูกบล็อกอยู่ ควรทำอย่างไร?
- ลองคลิก “Run as administrator”
- ปิด Windows Defender ชั่วคราว
- ตรวจสอบว่าไฟล์นั้นมีลายเซ็นดิจิทัลหรือไม่
สรุป
Windows Defender SmartScreen เป็นระบบความปลอดภัยที่ช่วยป้องกันภัยคุกคามจากไฟล์และเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการรันโปรแกรมที่ถูกบล็อก สามารถใช้วิธีปิด SmartScreen ได้ทั้งแบบชั่วคราวและถาวร แต่ควรใช้ความระมัดระวังและตรวจสอบความปลอดภัยของไฟล์ก่อนรันเสมอ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและจัดการกับ “Windows Protected Your PC” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ!